Her private life
นางเอกเป็นติ่งไอดอล ซึ่งเป็นน้องชายต่างแม่ของพระเอก
พระเอกเป็นหัวหน้านางเอกในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งก็มีเป้าหมายรวบรวมรูปภาพที่แม่วาดเอาไว้ก่อนตาย
ตอนแรกๆก็ไม่ถูกกัน (นานเกินครึ่งเรื่อง) แต่พอดีกันก็หวานซะ
พระเอกเคยเล่น Coffee prince เป็นตัวรอง
ดูจบจน 16ตอน โลกอีกใบของยัยแฟนเกิร์ล (ซีรี่ส์เกาหลี 2019)
เริ่มต้นจาก Viu แต่มาดูจบใน Netflix
ชอบ sub-plot กับ Gimmick ที่วางไว้ทีละต่อน ทีละต่อน ตลอดเรื่อง
ต่อไปเป็น สปอยล์แหลก ใครไม่อยากรู้ก็ข้ามไปนะ
..
..
..
เนื้อเรื่องหลักคือ นางเอกเป็นติ่งนักร้อง ทำงานเป็นภัณฑารักษ์ (สะกดยากชิบ)
ด้วยสังคมกดดัน เลยต้องเป็นติ่งแบบแอบๆ ไม่ให้ใครรู้
แล้วก็พบรักกับพระเอก ที่เป็นผู้อำนวยการหอศิลป์ที่นางทำงานอยู่
เรื่องเริ่มตั้งแต่ผอ.คนเก่าวางมือ พระเอกมารับตำแหน่ง และกำลังจะมีงานครบรอบ5ปีของหอศิลป์ จนได้จัดงานแสดงจบ
sub1
นักร้องที่นางเอกติ่ง เป็นน้องชายพระเอก (แม่เดียวกัน) แต่ตอนต้นเรื่องไม่รู้
sub1.1
พระเอกตามสะสมภาพวาดของศิลปินคนนึง
นักร้องตามสะสมภาพวาดของศิลปินคนนั้น นางเอกเลยไปตามประมูลภาพมาให้
พระเอกนางเอกเจอกันในงานประมูล
ทั้งพระเอกและนักร้อง รู้ว่าแม่ตัวเองเป็นคนวาดรูป เลยอยากรวบรวมรูปชุดนี้
(นางเอกไม่รู้)
sub1.2
แม่พระเอกเลี้ยงลูกจน7ขวบ เกิดอุบัติเหตุ ทำให้พลัดกับลูก (พระเอก)
พระเอกโดนส่งไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วมีคนมารับเลี้ยง ไปอยู่อเมริกา
ส่วนแม่ แต่งงานใหม่มีลูกเป็นนักร้อง
ปู่ของนักร้อง เอารูปที่แม่วาดไปทิ้ง (ทั้งชีวิตแม่วาดแค่9รูป ซึ่งประกอบกันเป็นภาพใหญ่)
sub1.3
เมื่อรวบรวมรูปเกือบครบ รูปสุดท้าย เป็นภาพส่วนสำคัญ ที่แม่เป็นคนเอาไปฝากไว้ที่โบสถ์ (ไม่ได้โดนทิ้งกระจัดกระจายเหมือนรูปอื่น)
คือแม่กับนักร้อง รู้ตั้งแต่แรกว่ารูปอยู่ที่ไหน
sub1.4
รูป8รูป เป็นฟองสบู่สีๆ มีจุดเล็กๆเป็นม้าหมุน รถไฟเหาะ ฯลฯ สื่อถึงสวนสนุก
แต่รูปสุดท้าย เป็นรูปเด็กผู้ชายเป่าฟองสบู่ทั้งหมด
เลยเป็นการเฉลยว่า แม่วาดรูปลูกชายคนโต
sub2
นางเอกเป็นติ่งนักร้อง มีเพื่อนสนิทเป็นนักกีฬายูโดเหรียญเงินโอลิมปิค
สนิทมาตั้งแต่เกิด เพราะแม่ของเพื่อนฝากแม่นางเอกเลี้ยงมาด้วยกัน
(นางเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำงานหาเงินส่งให้ครอบครัวนี้)
sub2.1
ในความทรงจำอันเลือนรางของนางเอก มีเด็ก4คนวิ่งเล่นด้วยกัน
คนนึงคือ เพื่อนสนิท อีก2คนมาเฉลยท้ายเรื่อง
คือ พระเอก กับน้องชายของนางเอก
sub2.2
แม่พระเอกเอาลูกมาไว้สนามเด็กเล่น ตัวเองไปทำธุระแล้วโดนรถชนสลบไป
กว่าจะออกจากรพ.ก็หาลูกไม่เจอแล้ว
ครอบครัวนางเอกพาพระเอกกลับไปที่บ้านเลี้ยงได้เกือบเดือนก็เกิดปัญหา
เลยต้องพาพระเอกไปปล่อยที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
sub2.3
ปัญหาที่ว่าคือ รถนักเรียนโดนชน นางเอกบาดเจ็บหนัก น้องชายตาย
(นางเอกจำอะไรไม่ได้เลย จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามีน้องชาย)
พ่อนางเอกทำธุรกิจไม่รุ่ง บ้านยากจน
แม่นางเอกdepressหนัก เลยตัดสินใจเอาพระเอกไปปล่อย
มาเฉลยตอนหลังว่า พ่อแม่นางเอกยังจมอยู่กับเรื่องลูกชายตาย
แม่ก็เอาแต่ถักไหมพรม (ถักเสื้อให้ลูกชาย)
พ่อชอบกำหินแทนการจับมือลูกชาย(ตอนตาย)
sub2.4
ตอนโดนเอาไปปล่อยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พระเอกจำผิดว่าแม่นางเอกเป็นแม่ตัวเอง เลยมีปมกับแม่
และไม่ชอบจับมือคน (เหตุผลคือไม่ชอบตอนโดนปล่อยมือ)
sub2.5
เพื่อนสนิทนางเอกจำทุกอย่างได้ แต่เงียบมาตลอด
คอยดูแลนางเอก และมารู้ตัวทีหลังว่า ปิ๊งนางเอก
แต่เป็นได้แค่พระรอง
Gimmick
1 ว่าด้วยการกุมมือ
เป็นประเด็นที่เห็นกันทั้งเรื่อง เพื่อแสดงถึงความสำคัญของคนที่เราจับมือไว้
พระเอก ไม่อยากจับมือกับใคร เพราะไม่ชอบความรู้สึกที่โดนปล่อยมือ
ซึ่งก็เกิดจากตอนโดนปล่อยทิ้งไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
นางเอก จับมือน้องชายแน่นตอนโดนรถชนแม้จะหมดสติไป
พระเอกมักจะนอนฝันร้าย(ถึงเรื่องตอนเด็ก)จนวันที่เข้ารพ.ก็มีนางเอกไปเฝ้า
และก็กุมมือกันไปกุมมือกันมา คือพระเอกหลับจับมือนางเอกไม่รู้ตัว นางเอกหลับก็จับมือพระเอกไม่รู้ตัว ไรงี้
พอพระเอกเล่าเหตุผล นางเอกก็เสนอตัว(เสนอมือ)ให้พระเอกจับ
พ่อนางเอกมีปมจากการตายของลูกชาย เลือกใช้การจับหินแทนการจับมือลูกชาย(ที่ตาย)
สะสมหินต่างๆเพราะเวลาไปสถานที่ไหนๆแล้วนึกถึงลูกชายก็จะหยิบหินกลับมาแทนการจูงมือลูก
หินก้อนแรกมาจากวัดที่ฝังลูก
การกุมมือคนที่เราให้ความสำคัญ ยังขยายความไปยังเพื่อนนางเอก ที่ทะเลาะกับสามี
เพราะสามีละเลยการดูแลนาง และทำในสิ่งที่นางไม่ชอบ (คือทำข่าวเรื่องติ่ง)
ขยายความไปยัง ผอ.เก่าและลูกสาว ที่อยู่ด้วยกันแบบผิวเผิน ไม่ได้ใส่ใจกันและกัน
ลูกสาวก็เป็นติ่งนักร้อง (คนเดียวกับนางเอก) ส่วนอีแม่ก็รวยไปรวยมา
จนมีอันปล่อยมือกัน
และมาคิดถึงกันได้ทีหลัง (และแม่นางเอกก็พูดปิดประเด็นให้ทั้งสองกลับไปดีกัน)
ยังมีอีกหลายฉากหลายซีน ที่ทำให้เห็นการกุมมือในความหมายต่างๆ คิดว่าคงตั้งใจแหละ
2 ว่าด้วยความกดดันของ LGBT ในเกาหลี
ตอนแรกนึกว่าเป็นมุขเล็กๆที่หยอดมาตอนต้นเรื่อง แต่มันไปต่อได้จนสุดตอนสุดท้ายของซีรี่ส์เลย
เริ่มมาจาก นางเอกกับเพื่อนติ่ง นัดไปแสวงบุญกัน คือไปสถานที่ๆนักร้องเคยไป
ในกรณีนี้คือ ห้องพักหรูในโรงแรมแห่งหนึ่ง
ซึ่งพระเอกเข้าพักคืนนั้นพอดี
ทั้งสองนางเลยอด แต่ด้วยความสงสารเพื่อน (นางเอกผิดหวังอะไรสักอย่างมา) เพื่อนนางเอกเลยไปขอร้องแลกห้องจากพระเอก
ตอนแรกพระเอกก็ไม่ยอม แต่พอเข้าใจ(ผิด)ว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักแอบมาเจอกัน เลยยอมสละห้องให้
และพระเอกก็เห็นใจนางเอกไปสักพัก เพราะเข้าใจว่านางเป็นเลสเบี้ยน
ระหว่างการหางานมาจัดแสดงในโอกาสครบ5ปี ทีมงานก็อยากจะได้ภาพถ่ายของช่างภาพชุดนึง
แต่คนที่เก็บไว้ไม่อนุญาตให้เอามาแสดง (ช่างภาพป่วยตายไปแล้ว ก่อนตายได้ฝากรูปไว้กับนักเขียนคนนี้)
พระเอกนางเอกบุกไปหานักเขียนที่บ้านพักในบ้านนอก และรถเสียต้องค้างคืน
ตอนแรกนักเขียนก็ใจแข็ง แต่มีฉากที่นางเอกพูดคุยกับพระเอกตอนดึก แล้วนักเขียนมาแอบฟัง เลยใจอ่อน
คือนางเอกพูดประมาณว่าพระเอกเป็นคนใจกว้างที่ตอนนั้นสละห้องพักให้นางกับเพื่อน (เพราะเข้าใจผิด)
และก็ตีความรูปถ่ายสุดท้ายของช่างภาพ ว่าเป็นภาพถ่ายตัวเองที่ยิ้มให้กับคนที่กดถ่ายรูป
เพื่อเป็นการฝากความทรงจำที่ดีไว้ให้คนนั้น ซึ่งก็คือนักเขียนคนนี้แหละ
สาเหตุก็คือ ช่างภาพกับนักเขียน แอบชอบกันมาตลอด(หลายสิบปี) แต่เปิดเผยไม่ได้ (ชาย-ชาย)
เวลามีภาพถ่ายชุดใหม่ ก็จะให้นักเขียนดู ฝากรูปไว้ ถ่ายรูปกันไปกันมา
แต่นักเขียนก็ไม่กล้าเปิดใจ เก็บเงียบๆไว้จนช่างภาพตายไป เป็นปมในใจตัวเอง
นางเอกก็ปลอบใจว่า ช่างภาพก็รู้แหละว่านักเขียนคิดยังไง ถึงได้มอบภาพสุดท้ายเป็นของขวัญ
3 ว่าด้วยพรสวรรค์และคำสาป
ทั้งนางเอกและพระเอก มีความสามารถในการวาดรูป แต่ก็มีเหตุให้วาดรูปไม่ได้
เริ่มจากนางเอกมือหัก ตอนก่อนสอบเข้ามหาลัย ทำให้ไม่ได้เข้าเรียนในสาขาเกี่ยวกับวาดรูป
ความฝันของนางคือวาดรูปแล้วแขวนโชว์ในหอศิลป์ ถึงไม่ได้วาดรูปเอง แต่ก็เป็นคนเลือกรูปมาจัดแสดง
(และได้ผัวเป็นศิลปินแทน 55)
พระเอกยกคำพูดของใครไม่รู้บอกว่า ศิลปินวาดรูปเพื่อexpressตัวเอง แต่ภัณฑารักษ์ที่เลือกรูปมาจัดแสดงก็ได้ exporessตัวเองเช่นกัน และเป็นการนำเสนอกับผู้เข้าชมด้วย
ตอนหนึ่งพระเอกถามนางเอก ว่ามือขวาหักแล้วทำยังไง นางเอกบอกว่า ก็หัดวาดรูปด้วยมือซ้าย
ถึงจะวาดไม่ดีเท่ามือขวา แต่นางก็มีความสุขกับการวาดรูป
นอกจากนั้น นางยังเก่งในการใช้โปรแกรมแต่งรูปภาพถ่ายนักร้อง และแสดงในเว็บตัวเองอีก
(ซึ่งการทำเว็บติ่งนักร้อง ก็เป็นเรื่องเดียวกับการเป็นภัณฑารักษ์ น่าจะแปลว่านางชอบทางนี้จริงๆ)
ส่วนสาเหตุที่นางเอกมือหัก คืออุบัติเหตุตอนไปตามถ่ายรูปนักร้อง (555)
กรณีของพระเอก มีความสามารถในการวาดรูปเช่นกัน แต่ชะงักไปตอนได้เห็นภาพของแม่ครั้งแรก
เหมือนปมในใจมันย้ำๆ ว่าแม่ไม่รัก (ทั้งๆที่จำผิด เพราะคนที่พาไปปล่อยสถานเลี้ยงเด็กคือแม่นางเอก ไม่ใช่แม่ตัวเอง)
ไม่สามารถทำสิ่งที่ตัวเองและแม่ชอบ (แม่ก็ชอบวาดรูป พระเอกก็ชอบวาดรูป)
ผันตัวเองไปเป็นคนวิจารณ์ภาพและรับตำแหน่งผอ.หอศิลป์จนมาเจอนางเอก
นางเอกก็ปรับทัศนคติพระเอก และทำหลายอย่าง จนพระเอกกลับมาวาดรูปได้อีกครั้ง
(ซึ่งรูปแรกๆที่วาด ก็คือรูปนางเอก หลังจากที่คลายปมต่างๆไปแล้ว)
กรณีของแม่พระเอก
เหมือนจะเป็นตัวละครที่รวมมุขชีวิตบัดซบต่างๆเอาไว้
เริ่มจากเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว โดนรถชนจนมือพิการวาดรูปไม่ได้ โดนพ่อสามีเอารูปไปทิ้ง พอเจอลูกตัวเองลูกก็เข้าใจผิดไปอีก
สุดท้ายแล้ว ก็ไม่ได้วาดรูปอีกเลย (วัดกันถึงตอนจบเรื่อง หลังจากนั้นอาจจะวาดอีกหรือเปล่าไม่รู้)
พอเอาแม่มาเทียบด้วย ทำให้เกิดความคิดว่า เราจะทำยังไงกับความซวยที่เข้ามาในชีวิต (ทั้งๆที่เรามีพรสวรรค์)
นั่นเป็นสิ่งที่กำหนดเส้นทางเดินต่อไปของเรา
นางเอกเลือกเดินเส้นทางที่ชอบรองลงมา โดยเอาสิ่งที่ชอบที่สุดเป็นงานอดิเรก
พระเอกหลังจากตั้งหลักได้ ก็กลับไปเส้นทางหลักของตัวเอง คือเป็นศิลปินวาดรูป
แม่พระเอกเลิกวาดรูปและเลือกบทบาทใหม่ที่ไม่เกี่ยวกันเลย และ(ตอนแรกๆ)ปฏิเสธตัวตนของตัวเองด้วยซ้ำ
4 ว่าด้วยเส้นเรื่อง
ด้วยความที่เป็นกลุ่มคนในวงการหอศิลป์ เนื้อเรื่องเลยมีจุดเปิดและปิดที่สวยพอดีๆ
พระเอกมารับตำแหน่ง และตอนจบก็ลาออก
หอศิลป์จัดงานครบรอบ5ปี มีสิ่งต่างๆที่ต้องรวบรวมมาแสดงเป็นแกนเรื่องบางๆ และปิดตอนสุดท้ายด้วยงานแสดง
ซึ่งพอกล้องแสดงงานแต่ละมุม ก็มีการย้อนอดีตที่มาของงานนั้นๆ ซีนพระเอกนางเอกย้อนความหลังก็มา
เป็นการเล่าเรื่องตอนจบที่ทำให้คนดูนึกถึงเรื่องราวดีๆ (ที่ดูมาหลายสิบชั่วโมง)
ตัวละครหลายตัว เข้ามาและออกไปตามจังหวะของแกนเรื่อง
เพื่อนพระเอก(นางรอง)เข้ามาช่วยจัดงานแสดงบางส่วน แต่มีอดีตกับพระเอก เลยมาทำให้เกิดความพ่อแง่แม่งอนกัน
ผอ.เก่าที่มีปัญหาลาออกไป ก็กลับเข้ามารับตำแหน่งต่อจากพระเอกในตอนจบ
ลูกสาวผอ.ที่เข้ามาฝึกงานแบบลูกสาวโดนสปอยล์ก็เติบโตขึ้นในระหว่างเดินเรื่องจนจบก็ทำงานจริงจัง
นักร้องกับแม่พระเอก ก็มาถ่ายรูปร่วมกับพระเอกที่หน้าผลงาน แม่จับมือลูกทั้ง2คน ยืนยิ้มเป็นภาพสรุปความสัมพันธ์ที่เข้าใจได้และสวยงาม
5 ว่าด้วยรูปวาดที่ประกอบกันเป็นภาพใหญ่
ถ้าเปรียเทียบภาพวาดเป็นอดีตหรือความทรงจำ
ในภาพวาดทั้ง9 ก็มีทั้งส่วนที่สำคัญมากกว่าและน้อยกว่า
มีทั้งภาพที่ถูกเก็บอย่างดี มีการตีมูลค่าไว้สูง
แต่ก็มีภาพที่ถูกทิ้งขว้าง และเก็บในมุมที่ไม่อยากให้คนเห็น ปล่อยให้มันผุพัง
แต่ทั้งหมดนั้นก็คืออดีตที่ประกอบเป็นชิ้นเดียวกัน
ภาพทั้งหมดจะสมบูรณ์ได้ ก็ต้องมีทุกชิ้นส่วนประกอบกัน
ถ้ามีอะไรที่เสียไป เราก็สามารถซ่อมแซมแก้ไข ให้มันกลับมาดีได้ ถ้าเราพยายามมากพอ
ในละครก็มีอดีตที่พังไปหลายอย่าง
มีการปล่อยทิ้งให้อดีตถูกลืม
มีความพยายามค้นหาอดีตที่หายไป
มีการหาความหมายและความสุขเล็กๆที่ซ่อนอยู่ในช่วงเวลานั้น
แต่ละภาพก็สามารถตีความได้หลายแบบแล้วแต่คนจะมอง
ซึ่งในตอนสุดท้ายคนที่มีความสุขคือคนที่ยอมรับความเป็นจริงในอดีตและก้าวเดินต่อไปในอนาคต