2022-post009


อยากมีบ้านปล่อยให้เช่า

  ประมาณ 10 วัน หลังจากยื่นขอสินเชื่อ ธอส. จนท.ธนาคารโทรมาบอกว่า อนุมัติแล้ว
(หลายๆอย่างมันประกอบกันพอดี ประวัติการผ่อนบ้านปัจจุบันดีตลอด + ฐานเงินเดือน + นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ)
ก่อนหน้านั้นมีขั้นตอนประเมินสถานที่ โดยบริษัทตัวแทนธนาคารจะไปดูพื้นที่จริง ซึ่งก็ฝากนายหน้าเปิดบ้านให้เขาดู เพราะกลับมากทม.แล้ว

  ซื้อตั๋วเครื่องบินเอาไว้ก่อนแล้ว จากที่จนท.บอกตอนแรก ว่าน่าจะใช้เวลาพิจารณา 2 อาทิตย์ พอเร็วกว่ากำหนดก็เลยบอกเขาไปว่าขอเป็นวันแรกที่บินไปภูเก็ตก็แล้วกัน ซึ่งมี 2 กิจกรรม 1) ไปธนาคารเพื่อเซ็นสัญญาต่างๆ 2) ไปกรมที่ดินเพื่อทำเรื่องเอกสาร โดยเจ้าของบ้านเก่าโอนให้เรา แล้วเราก็จดจำนองว่ากู้เงินธนาคาร โดยใช้บ้านนี้เป็นหลักประกัน (แปลว่าถ้าผิดสัญญากับธนาคาร เขาจะเอาบ้านเราไป) ซึ่งการติดต่อและเดินเรื่องเอกสาร มีนายหน้าดำเนินการให้ ลดเวลาและเรื่องปวดหัวไปหลายขั้นตอน พอไปกรมที่ดินก็รอเซ็นเอกสารอย่างเดียว เสร็จเรื่องก็เป็นหนี้อย่างจริงจังละ

  ลำดับต่อมา ก็คือ ไฟฟ้า/ประปา ซึ่งเป็นชื่อเจ้าของเก่า ทำเรื่องเปลี่ยนชื่อเป็นเจ้าของใหม่ไม่ยาก แต่ต้องเคลียร์บิลเก่าให้หมด ก็ไม่กี่บาท (จริงๆแล้ว มีเรื่องหยุมหยิมนิดหน่อยคือ เจ้าของบ้านคนแรก ไม่ได้เปลี่ยนชื่อเป็นเจ้าของบ้านคนที่สอง พอมาถึงเราที่เป็นคนที่สาม ก็เลยมีงอกมาอีกขั้นตอนนึง คือวางมัดจำมิเตอร์ประปาใหม่) ส่วนสุดท้ายคือทะเบียนบ้าน ถ้าเอาแบบง่ายๆ ก็ไปแจ้งที่เขตได้เลย แต่นายหน้าแนะนำว่าถ้าอยากได้เอกสารสวยๆ ให้รอเจ้าของเก่าย้ายออกก่อน แล้วเราไปคัดเล่มใหม่ จะได้มีแต่ชื่อเราคนเดียว ไม่มีชื่อคนย้ายเข้าย้ายออก

  การเดินทางไปภูเก็ตรอบนี้ มีกำหนดนอน 10 คืน โดยไม่ได้จองที่พักเอาไว้ เพราะกะจะนอนในบ้าน แต่บ้านก็ไม่พร้อมจะนอน เพราะสภาพประตูหน้าต่างส่วนหนึ่ง แล้วช่างก็เข้ามาดำเนินการอีกส่วนหนึ่ง
แผนแรกคือ นอนชั้นล่าง ให้ช่างทำชั้น 2 เสร็จก่อน อาจจะอาทิตย์นึง จะได้ไปนอนชั้น 2 สภาพก็คือเอาเสื่อน้ำมันไปปูนอนบนพื้นกระเบื้องตรงที่เป็นห้องรับแขก ห้องน้ำชั้นบนมีฝักบัวอาบน้ำได้ แต่ชักโครกใช้งานไม่ได้ ห้องน้ำชั้นล่างมีโถส้วม แต่อาบน้ำไม่ได้ (สภาพคืนที่ 1)
แต่เอาเข้าจริง 10 คืน ก็ไม่ได้ไปนอนชั้น 2 เพราะยังทำไม่เสร็จ (ช่างทำช้าส่วนหนึ่ง และเพิ่มงานให้ช่างอีกส่วนหนึ่ง และเพื่อนบ้านมายืมตัวช่างไปอีกส่วนหนึ่ง)

  ในช่วง 10 คืน ที่เหมือนเข้าค่ายลูกเสือ ก็ปรับตัวไปตามสภาพ แก้ปัญหาด้วยเงินไปบ้าง คือเช้าวันที่ 2 ไปโลตัส ซื้อถังกับขันมารองน้ำอาบที่ชั้นล่าง (เพราะต้องทุบห้องน้ำชั้นบน) พอเช้าวันที่ 3 เริ่มเจ็บหลัง ก็ไปซื้อฟูกฟองน้ำปูนอนมาเพิ่ม พอวันที่ 4 เริ่มมีเศษผงปูนเต็มบ้าน (จากการทุบชั้นบน) ก็ไปซื้อไม้ถูพื้นมาถู
ตอนกลางวันก็ทำงานตัวเองตามปกติ พอตอนเย็น ก็ไปซื้อของกับช่าง เลือกลายกระเบื้อง ซื้อสุขภัณฑ์ สีทาบ้าน ฯลฯ ซึ่งก็กระจายอยู่หลายร้าน บางร้านก็ปิดซะเร็ว ยังเดินไม่ทั่วก็ต้องรีบจ่ายเงิน (มีแผนซื้อแทงค์น้ำกับปั๊มน้ำมาติด เผื่อน้ำไม่ไหล แต่พอขนกลับมา ช่างบอกว่าต่อท่อไม่ได้ ท่อน้ำเข้าบ้านฝังอยู่ใต้ดินมีปูนโบกทับอีกชั้น ก็เลยต้องเอาไปขอคืนที่ร้าน แลกซื้ออย่างอื่นกลับมา) ค่าใช้จ่ายหลายอย่างใน BoQ เขียนว่าไม่รวม แปลว่าต้องจ่ายเอง บางอย่างก็ขอช่างว่าซื้อเองจะได้เลือกของถูกหน่อย ประหยัดงบ ซึ่ง BoQ ไม่รวมช่างไฟฟ้า กับ ช่างเฟอร์นิเจอร์(ไม้) ผู้รับเหมาก็หาคนมาให้เราคุยเอง แต่ช่างทำฝ้าเพตาน รวมอยู่ในรายการเขาก็หาคนมาทำเสร็จสรรพ ช่วง 10 วันนี้วิ่งไปมาจนมึนและเหนื่อย นอนหลับง่ายเลย

  อีกเรื่องนึงที่อยากบันทึกไว้คือ ละแวกนี้ นอกจากบ้านเก่าแล้ว เพื่อนบ้านก็มีอายุ (คิดว่า) เขาคงไม่สะดวกในการติดต่อช่างมาซ่อมบ้านเอง เลยมาตกช่างจากบ้านเราไป ครึ่งวันบ้าง เต็มวันบ้าง เพื่อซ่อมโน่นนี่ในบ้านเขา วันแรกที่ช่างไปจำได้เลยว่า ตัวคนปูกระเบื้องไม่อยู่ ห้องน้ำที่ทุบเอาไว้แล้ว ก็เลยไม่ได้ปู แล้วส่งอีกคนมาทำเป็นเก็บเศษอิฐเศษปูนใส่ถุง ซึ่งก็อ้อยอิ่งถ่วงเวลาไปจนเย็น ช่างหลักกลับมา ถึงได้ช่วยกันเก็บจนเสร็จ (คือถ้าช่างอยู่กันครบ ก็จะเก็บเสร็จไปตั้งแต่ตอนบ่าย แล้วเริ่มปูกระเบื้องเลย แต่ก็ไม่ได้เริ่ม) อันนี้ก็หยวนๆกันไป เพราะช่างก็จะได้มีรายได้เพิ่ม เพื่อนบ้านก็จะได้เป็นมิตรอีกหน่อย


ถามคุณนายหน้า เป็นความรู้มาว่า เห็นประกาศขายบ้านมีแบบทั้งบ้านเดียว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ มันต่างกันยังไง (ในภูเก็ตมีบ้านแฝดขายเยอะ)
เขาบอกว่าเป็นข้อกำหนดทางกฎหมายว่า พื้นที่จัดสรรขนาดเล็ก (ถ้าจำไม่ผิด 16 ตร.วา ต่อหน่วย) จะทำเป็นทาวน์เฮ้าส์ได้อย่างเดียว, ถ้าพื้นที่ใหญ่ขึ้นหน่อย จะทำเป็นบ้านแฝดได้ แต่ถ้าจะทำบ้านเดี่ยวต้องมีพื้นที่มากพอ

อีกเรื่องนึงที่กฎหมายกำหนดคือ ถ้าบุคคลมีที่ดินอยากจัดสรร (ทำบ้านขาย) ทำได้ไม่เกิน 8 หลัง (ที่ดิน 9 ผืน อีกผืนนึงคือทางสัญจร) ถ้าจะแบ่งมากกว่านั้น ต้องทำในนามบริษัท (นิติบุคคล)

  อันนี้บันทึกเล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับวิบากกรรมเรื่องน้ำ
2 คืนแรกที่นอนในบ้าน มีเสื้อน้ำมันปูนอนบนพื้นกระเบื้อง กับพัดลมที่เพิ่งซื้อก็เย็นดี แต่พื้นแข็ง
ส่วนห้องน้ำชั้นล่าง มีแต่สายฉีดก้น เลยไปอาบน้ำชั้นบน ฝักบัวน้ำไหลอ่อยๆ วันที่ 2 เลยไปซื้อถังน้ำมาจากโลตัสเอามารองน้ำอาบ ลืมซื้อขัน เดินออกไปปากซอยมีขายพอดี คิดซะว่าเข้าค่ายลูกเสือ
คืนที่ 3 เจอฟูกลดราคาที่โลตัส เป็นฟูกบางๆสำหรับปิกนิค เลยได้ที่นอนที่นิ่มขึ้นมาหน่อย แต่ก็แลกกับความเย็นลดลง
คืนที่ 4 หลังจากผัดวันประกันพรุ่ง ไม่ซื้อไม้ถูพื้น วันนี้ก็ซื้อจนได้ เพราะคนงานทุบกำแพงชั้นบน ฝุ่นตลบเลอะไปหมด แล้วพอเดินเข้าเดินออก ก็จะเลอะเป็นทาง สรุปว่าได้ถูพื้นทุกวัน ย้ายลงมาอาบน้ำชั้นล่าง เพราะห้องน้ำชั้นบนเริ่มทุบแล้ว
คืนที่ 5 อาบน้ำชั้นล่างโดยต่อสายยางรองน้ำใส่ถัง อาบเสร็จรองน้ำไว้ นอนเล่นมือถือเพลิน น้ำไหลทิ้งไป2ชม.
คืนที่ 6 ตอนเย็นได้ยินเสียงน้ำไหลทิ้ง ที่ฉีดก้นชั้นบนไม่ได้ปิดวาล์ว เดินขึ้นไปปิด ตอนกลางคืนได้ยินเสียงชักโครกน้ำไหล นึกว่าข้างบ้าน แต่เอะใจเดินขึ้นไปดู ชักโครกค้างน้ำไหลทิ้งอีก สรุปว่าน้ำไหลทิ้งอีกแล้ว
คืนที่ 8 กลับมาบ้านวาล์วน้ำปิด เลยไปเปิด แล้วก็อาบน้ำ อาบเสร็จก็นอนเล่นมือถือ 2-3ชม. จะปิดไฟปิดประตูหน้าบ้าน ทำไมน้ำนองหน้าบ้าน คนงานเปิดสายยางทิ้งไว้ตั้งแต่ตอนเลิกงาน (แต่ปิดวาล์ว) น้ำไหลทิ้งอีกแล้ว

ถังซ้อน3ใบ มีน้ำดื่มข้างในถังอีก 6 ขวด
ตอนขี่รถลมพัดฝาตีหน้า
ที่นอนฟองน้ำ
ขอเชือกจากพนง.เอามามัดกับรถ ไม่งั้นก็นึกไม่ออกจะขนกลับยังไง